Category: ฮวงจุ้ย

ทำไมต้องไปไหว้ขอหวยและโชคลาภ

แน่นอนว่าในเรื่องของการเสี่ยงโชคเป็นเรื่องของโชคลาภทั้งสิ้น ซึ่งหากจะให้ดีก็ต้องทำการขอพรกับเทพเจ้าผู้ที่จะประทานพรในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยเฉพาะใครที่เป็นคอหวยจะไม่รู้จักกับเจ้าพ่อยี่กอฮง เห็นทีจะเป็นไปไม่ได้ เพราะท่านผู้นี้ถือเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในด้านการเสี่ยงโชคเป็นอย่างมาก หรือในใครที่เล่นการพนันอยู่เป็นประจำก็มักที่จะเดินทางไปขอพรกับเทพท่านนี้ ณ สถานีตำรวจพลับพลาชัยกันอยู่บ่อยครั้ง แล้วท่านเป็นใครทำไมจึงมีผู้คนมากมายให้การเคารพนับถือเช่นนี้ วันนี้เรามีคำตอบมาบอกให้คุณได้รู้กัน ประวัติ เจ้าพ่อยี่กอฮง             เจ้าพ่อยี่กอฮง หรือ รองหัวหมื่นพระอนุวัฒน์ราชนิยม (ฮง เตชะวณิช) มีชื่อจีนว่า แต้หงี่ฮง หรือ ยี่กอฮง เกิดเมื่อวันอังคารขึ้น 10 ค่ำเดือน 3 ปีจอ พ.ศ 2394  ซึ่งยังไม่มีความแน่ชัดว่าท่านนั้นเกิดในประเทศไทยหรือเดินทางมาจากประเทศจีน โดยท่านประกอบอาชีพค้าขายและมีตำแหน่งเป็นนายอากรที่มีชื่อเสียงอยู่ในยุคนั้นเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 มีนาคมพ.ศ 2479 รวมอายุได้ 87 ปี             มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า นายเกีย ผู้เป็นบิดาได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในพระนคร โดยเปิดเป็นร้านขายผ้าอยู่ที่หัวมุม 4 กั๊กพระยาศรี เสาชิงช้า ซึ่งเมื่อยี่กอฮงอายุประมาณ 7 ขวบ บิดาและมารดาก็ถึงแก่กรรม ทำให้ญาติฝ่ายบิดาที่เป็นคุณจีนได้รับกลับไปอยู่ที่เมืองจีน จนกระทั่งอายุ 16 ปีท่านก็ได้กลับมายังประเทศไทยอีกครั้ง…

Read story

ของ 5 สิ่ง อย่าวางหน้าบ้าน ขวางทางทรัพย์ โชคลาภ

บ้านถือเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับการอยู่อาศัยและการทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าในเรื่องของฮวงจุ้ยก็มีผลที่จะช่วยส่งต่อพลังงานบวกให้กับพื้นที่โดยรอบบ้าน หากมีการจัดบ้านได้อย่างเรียบร้อยและมีความเหมาะสมตรงตามหลักฮวงจุ้ยนั่นเอง โดยเฉพาะในบริเวณหน้าบ้านที่ถือว่าเป็นจุดแรกในการรับพลังงานสำคัญจึงควรจัดให้มีความสะอาดโล่งดูไม่รกเพื่อเป็นการต้อนรับพลังงานที่ดีเข้าสู่บ้านนั่นเอง โดยของ 5 สิ่งที่ไม่ควรวางไว้หน้าบ้านเพราะอาจทำให้ทรัพย์และโชคลาภต่าง ๆ ไม่เข้าสู่ตัวบ้านได้นั้นก็มีดังนี้ ไม้กวาด ไม่ควรวางไม้กวาดไว้หน้าบ้าน เพราะเชื่อว่าไม้กวาดนั้นเป็นตัวแทนของสิ่งชั่วร้ายหรือสิ่งไม่ดี ซึ่งหากวางไว้หน้าบ้านก็เปรียบเสมือนการกวาดโชคลาภและสิ่งมงคลต่าง ๆ ออกจากบ้านไป ทางที่ดีควรจัดเก็บไม้กวาดไว้ในบริเวณที่ควรเก็บ ไม่ว่าจะเป็นตู้เก็บของห้องเก็บของหรือจะเป็นในส่วนของของใช้ทั่วไปจะดีกว่า วัตถุมีคม ในหลักของฮวงจุ้ย วัตถุมีคมถือเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะหากของแหลมคมเหล่านี้ชี้ตรงมาที่บ้าน จะส่งผลเสียต่อโชคลาภของผู้คนในครอบครัวหรืออาจจะทำให้เจ้าของบ้านได้รับอันตรายจากบางสิ่งบางอย่างได้ ก๊อกน้ำที่มีน้ำรั่วซึม เมื่อน้ำเปรียบเสมือนกับโชคลาภและความมั่งคั่งหากเรานำเอาก๊อกน้ำที่มีน้ำรั่วซึมวางไว้หน้าบ้าน ก็เปรียบเสมือนกับสัญลักษณ์ของการสูญเสียโชคลาภและความมั่งคั่งนี้ไป อีกทั้งก๊อกน้ำที่มีน้ำรั่วซึมเหล่านี้ยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคชั้นดี หากอยากมีก๊อกน้ำไว้หน้าบ้านจึงควรซ่อมแซมไม่ให้เกิดน้ำรั่วซึมและดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ ขยะหรือของที่ไม่ได้ใช้ เป็นที่ทราบกันดีว่าขยะนั้นเป็นของที่ไม่สะอาด และแน่นอนว่าในทางฮวงจุ้ยสิ่งที่ไม่สะอาดก็เป็นการก่อพลังงานที่ไม่ดี และหากนำเอาสิ่งเหล่านี้กองเอาไว้อยู่หน้าบ้านก็อาจจะนำพาสิ่งไม่ดีเข้าสู่ตัวบ้านได้อีกทั้งยังทำให้บริเวณบ้านดูไม่สวยงามส่งกลิ่นเหม็นไม่เป็นที่เหมาะสมต่อผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกบ้าน ต้นไม้ใหญ่ปกคลุมหน้าบ้าน หากถามว่าเราสามารถปลูกต้นไม้เอาไว้ในบริเวณบ้านได้หรือไม่ คำตอบคือได้แต่สำหรับต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมหน้าบ้านนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เพราะหากต้นไม้ได้ปกคลุมหน้าบ้านแล้วก็เปรียบเสมือนกับการปิดกั้นทางเข้าออกของโชคลาภดังนั้นจึงไม่ควรปลูกต้นไม้เยอะจนเกินไป หรือควรดูแลและตัดแต่งกิ่งเป็นประจำเพื่อทำให้โชคลาภหลั่งไหลเข้ามาในบ้านได้นั่นเอง ดังนั้นการพิจารณาการวางสิ่งของไว้หน้าบ้านเหล่านี้ ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้อยู่อาศัยภายในบ้านพึงกระทำเพื่อให้โชคลาภและทรัพย์สินต่าง ๆ หลั่งไหลเข้าสู่บ้านพร้อมรับพลังดี ๆ จากศาสตร์ฮวงจุ้ยที่มีความเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณและสร้างความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้อยู่อาศัยมีจิตใจชื่นบานและพบกับความสุขตลอดไป อีกทั้งหากมองในด้านความเป็นจริงการวางสิ่งของเหล่านี้เอาไว้หน้าบ้าน ก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ดังนั้นจึงไม่ควรนำเอา 5 สิ่งของดังกล่าววางไว้หน้าบ้านนั่นเอง

Read story

ที่ดินต้องห้าม

ในการสร้างบ้านแต่ละครั้ง เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็จะต้องมีการดูเรื่องของฮวงจุ้ยบ้านและที่ดินที่มีความเหมาะสมต่อการสร้างบ้านกันเสียทั้งนั้น ซึ่งหากได้ที่ดินที่มีความเป็นมงคลและมีทำเลที่ดีนั้น ก็จะทำให้บ้านของคุณมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองเข้ามา และไม่ทำให้สิ่งชั่วร้ายเข้าไปสิงสู่ได้ซึ่งในขณะเดียวกัน หากที่ดินนั้นเป็นที่ดินต้องห้ามก็จะทำให้การสร้างบ้านหรือการอยู่อาศัยเรื่องไม่ดีขึ้นมาได้ 4 วิธี เลือกที่ดินสร้างบ้าน สร้างแล้วดี             การเลือกที่ดินหรือทำเลสำหรับการสร้างบ้านนั้นเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะแน่นอนว่าการสร้างบ้านก็ถือเป็นการลงทุนก้อนใหญ่ และยังต้องอยู่อาศัยกันอย่างยาวนาน จึงทำให้ผู้ปลูกควรพิจารณาถึงรูปแบบของที่ดินและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ให้ถูกต้องตามตำราฮวงจุ้ยหรือมีความเหมาะสมต่อการอยู่อาศัยนั่นเอง โดยวิธีการเลือกที่ดินสร้างบ้านให้ดีและมีศิริมงคลมีดังนี้ ตรวจสอบข้อมูลของที่ดินผืนนั้นให้แน่ชัด การตรวจสอบข้อมูลของที่ดินผืนนั้นคือการตรวจดูภูมิหลังว่าก่อนที่จะมีการขายที่ดินที่แห่งนี้เป็นอะไรมาก่อน หากเป็นสถานพยาบาล , ศาสนสถาน , โรงฆ่าสัตว์ , หรือสุสาน เหล่านี้ควรหลีกเลี่ยง เพราะเป็นแหล่งรวมพลังงานด้านลบเอาไว้มากมาย ไม่ควรอยู่ใกล้แม่น้ำมากเกินไป ที่ดินที่ดีไม่ควรอยู่ใกล้แม่น้ำมากเกินไป เนื่องจากหากสร้างบ้านให้อยู่บริเวณใกล้แม่น้ำเสี่ยงต่อการเกิดน้ำกัดเซาะพังทลายได้ ซึ่งหากต้องการสร้างบ้านให้มีแม่น้ำ ก็ควรเว้นระยะห่างอย่างพอสมควรและไม่ควรเลือกปลูกในบริเวณที่เป็นแหล่งน้ำนิ่ง ลักษณะของที่ดินต้องห้าม ตามหลักฮวงจุ้ยที่ดินที่ดีควรมีลักษณะเป็นแปรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือสี่เหลี่ยมคางหมู ซึ่งที่ดินเหล่านี้นอกจากจะสามารถสร้างบ้านได้อย่างสวยงามแล้วก็ยังมีความสมดุลกันทั้ง 4 ด้านทำให้เกิดความมั่นคงของผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน แต่สำหรับที่ดินที่ไม่ดีจะมีลักษณะดังนี้ มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือชายธง เป็นรูปอีโต้หรือรูปค้อน ที่ดินผืนนั้นต่ำกว่าพื้นที่โดยรอบ ที่ดินตาบอดหรือเป็นที่ที่ถูกล้อมรอบจากที่ดินของผู้อื่น ลักษณะของสภาพแวดล้อมบริเวณบ้าน นอกจากการพิจารณาในเรื่องของลักษณะที่ดินต้องห้ามให้ถูกตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ในเรื่องของสภาพแวดล้อมรอบบ้านก็เช่นเดียวกัน โดยสภาพแวดล้อมต้องห้ามที่ไม่ควรเลือกปลูกบ้านมีดังนี้ หากบ้านหลังนั้นอยู่ใกล้กับบริเวณศาลเจ้า ศาลพระพรหม หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง…

Read story

ประวัติพระคาถาชินบัญชร

พระคาถาชินบัญชรถือเป็นคาถาที่มีความศักดิ์สิทธิ์อีกหนึ่งคาถา ที่ตกทอดสืบมาจากลังกาโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ทำการดัดแปลงแต่งเติมให้มีเอกลักษณ์พิเศษและดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากผู้ใดที่ได้ทำการสวดภาวนาคาถานี้เป็นประจำจะทำให้เขาผู้นั้นได้รับความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยอันตรายและคุณไสยต่าง ๆ รวมไปถึงศัตรูยังไม่กล้าเข้ามากล้ำกลายเขาผู้นั้นอีก             โดยพระคาถานี้มีอายุยาวนานนับร้อยปีตั้งแต่ ช่วงสมัยของรัชกาลที่ 2 มาจนถึงปัจจุบันทำให้ความศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ เป็นที่เคารพบูชาของชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก และยังนิยมท่องพระคาถานี้เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับตนเอง รวมไปถึงยังป้องกันภยันตรายต่าง ๆ ให้กับตนได้อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าแท้ที่จริงแล้วพระคาถาบทนี้ใครเป็นผู้แต่งขึ้นมา ระหว่างสมเด็จพระพุทธจารย์โต พรหมรังษี และพระมหาเถระรูปหนึ่ง ที่มีความเชี่ยวชาญบาลีปกรณ์ จากจังหวัดเชียงใหม่ แต่ส่วนใหญ่ก็ได้ลงความเห็นว่าผู้แต่งคือสมเด็จพระพุฒาจารย์โตนั่นเอง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วท่านเป็นเพียงผู้นำพระคาถาชินบัญชรมาเผยแพร่ต่อเท่านั้น             เพราะหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้มีการบันทึกไว้ว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ได้ไปสวดพระคาถานี้เพื่อถวายองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 และด้วยความที่บทสวดมีความไพเราะพระองค์ จึงได้ซักถามท่านว่าได้แต่งเองหรือไม่ไปเอาบทสวดนี้มาจากที่ใด ซึ่งท่านก็ได้ตอบว่า พระคาถาบทนี้เป็นสำนวนเก่าของเมืองเหนือ ซึ่งท่านก็ได้ทำการแก้ไขและดัดแปลงใหม่ ตัดตอนให้สั้นลง เพราะของลังกาจะยาวกว่านี้ นั่นก็ทำให้ความเป็นไปได้ของการคาดเดาว่าพระภิกษุชาวล้านนาเป็นคนแต่งอาจจะเป็นความจริง คาถาชินบัญชร ควรสวดวันไหน มีวิธีอย่างไร             พระคาถาชินบัญชรควรเริ่มสวดในวันพฤหัสบดีเพราะในวันนี้ถือเป็นวันไหว้ครู โดยมีพิธีในการสวดดังนี้ เตรียมดอกไม้สามสีหรือดอกบัว 9 ดอกหรือจะเป็นดอกมะลิ 1 กำก็ได้ จุดธูปเป็นเลขคี่ไม่ว่าจะเป็น 3 ,  5 ,  หรือ…

Read story

“ยันต์ ฮู้” ยันต์จีนที่คนจีนต้องมีติดบ้าน

เป็นที่ทราบกันดีว่าชาวจีนให้ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของความมงคลและการป้องกันภยันตรายต่าง ๆ ที่จะเข้าบ้านเป็นอย่างมาก ซึ่งหนึ่งใน Item ที่ชาวจีนมักจะมีติดบ้านเอาไว้ก็คือ ยันต์ ฮู้ ที่หลาย ๆ คนมักจะเห็นกันในรูปแบบของแผ่นกระดาษทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว ๆ สีแดงและมีอักษรจีนเขียนเอาไว้จนทั่วแผ่นด้วยพู่กันหมึกสีดำซึ่งวันนี้เราก็มีความน่าสนใจและความรู้ดี ๆ ของยันต์ชนิดนี้มาให้คุณได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น ยันต์ ฮู้ คืออะไรมีความหมายว่าอย่างไร             ฮู้ คือ ผ้ายันต์ที่มีทั้งตัวหนังสือข้อความรวมไปถึงรูปภาพที่มีการวาดหรือเขียนด้วยพู่กันจีน ซึ่งความหมายที่อยู่บนยันผืนนั้นจะเป็นถ้อยคำที่มีความมงคลและยังป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามากล้ำกรายในบริเวณบ้านได้ โดยผู้ที่เขียนจะมีตั้งแต่ซินแสบัณฑิตรวมไปถึงพระจัน เมื่อทำการเขียนเสร็จแล้วก็จะนำไปอธิษฐานต่อหน้าพระเทพที่จะอัญเชิญบารมีลงมาสู่ฮู้นั้น ๆ โดยในปัจจุบันนิยมเขียนหรือพิมพ์ลงบนกระดาษหรือผ้าและยังได้รับความนิยมในการนำไปติดบริเวณประตูบ้าน โดยอายุของฮู้แต่ละผืนจะมีระยะเวลา 1 ปีจากนั้นก็จะนำไปเผาทิ้งแล้วทำบุญเพื่อทำการขอฮู้อันใหม่มาติดแทน ยันต์ ฮู้ แต่ละสีมีความแตกต่างกันอย่างไร ปัจจุบันเราจะเห็นฮู้ถึง 5 สีได้แก่ ยันต์ ฮู้ สีแดง : ปกป้องคุ้มครองสถานที่อยู่อาศัยและยังป้องกันอันตราย รวมไปถึงสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาสู่ตัวบ้านและผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านอีกด้วย ยันต์ ฮู้ สีเหลือง : นิยมใช้ในการปกป้องและกำราบ ภูต ผีต่าง ๆ มักเขียนด้วยหมึกสีแดง ยันต์ ฮู้ สีเขียว :…

Read story

‘ดูฮวงจุ้ยบ้าน’ เปรียบเทียบความเชื่อกับหลักวิทยาศาสตร์

การดูฮวงจุ้ยบ้านเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ที่ได้รับความเชื่อถือเป็นอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน เพราะก่อนจะสร้างบ้านผู้คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นชาวจีนหรือชาวไทยต่างก็มักจะอัญเชิญให้ซินแสผู้ที่มีความรอบรู้ในด้านศาสตร์ของฮวงจุ้ยเข้ามาตรวจสอบและดูทิศทางของบ้านว่าควรสร้างไปในทิศทางไหน รวมไปถึงองค์ประกอบของบ้านที่ดีควรมีอะไรบ้างนั้นทำให้ศาสตร์นี้เป็นพลังงานที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานจนคนรุ่นใหม่อาจจะไม่ค่อยมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เราจึงได้นำเอาศาสตร์ฮวงจุ้ยเพื่อเปรียบเทียบกับหลักวิทยาศาสตร์ให้คุณได้ดูกันว่าความเชื่อของศาสตร์นี้จะมีประโยชน์ที่สามารถตอบโจทย์กับคนในปัจจุบันได้ดีแค่ไหน 3 ข้อ เปรียบเทียบ ดูฮวงจุ้ยบ้าน กับ วิทยาศาสตร์             ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าฮวงจุ้ยไม่ใช่ศาสตร์ที่เป็นเรื่องงมงายแต่มีความสมเหตุสมผลที่เกิดขึ้นอยู่ภายใน โดยมักจะใช้สำหรับกำหนดสิ่งแวดล้อมภายในบ้านเพื่อให้เกิดการไหลเวียนของพลังงานในทิศทางที่ถูกต้องและเรียกให้พลังงานที่ดีไหลผ่านเข้าสู่ตัวบ้าน เพื่อทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยได้รับความร่มรื่น อยู่เย็นเป็นสุข และมีศิริมงคลในชีวิตเสริมดวงในหลากหลายด้านนั่นเอง ซึ่งการดูฮวงจุ้ยบ้านที่เราอยากนำมาให้คุณได้ลองพิจารณาดูมีดังนี้ ห้ามให้บ้านอยู่ใกล้กับหม้อแปลงไฟฟ้า ฮวงจุ้ย : ตามศาสตร์ฮวงจุ้ยเชื่อว่าการมีหม้อแปลงไฟฟ้าอยู่ติดกับตัวบ้านนั้น เป็นข้อห้ามที่ไม่ควรทำเป็นอันขาดเพราะเมื่อเราสร้างบ้านให้อยู่ใกล้กับหม้อแปลงไฟฟ้าแล้ว อาจเป็นเหตุที่ทำให้สุขภาพของคนในบ้านไม่แข็งแรงและสามารถเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่บ่อยครั้งซึ่งในบางทีก็อาจเกิดโรคร้ายขึ้นกับคนในบ้านได้เลยทีเดียว วิทยาศาสตร์ : แต่ในทางวิทยาศาสตร์ได้กล่าวไว้ว่าหม้อแปลงเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่มีความเสี่ยงต่อการระเบิดได้ตลอดเวลา ซึ่งหากสร้างบ้านไว้ไกลกับบริเวณหม้อแปลงไฟฟ้า อาจทำให้เกิดเสียงรบกวนต่อผู้ที่อยู่อาศัยภายในบ้านและยังหากระเบิดและเกิดอัคคีภัยได้อีกด้วย ตำแหน่งของประตูห้องน้ำห้ามอยู่ตรงกับประตูห้องนอน ฮวงจุ้ย : ตามหลักของฮวงจุ้ยประตูห้องน้ำนั้น ไม่ควรตั้งอยู่ตรงกับประตูห้องนอนซึ่งถือว่าเป็นข้อห้ามที่ร้ายแรงมาก ๆ เพราะหากทำเช่นนี้ อาจทำให้เงินทองของบ้านถูกดูดออกไปเรื่อย ๆ ส่งผลให้คนในบ้านประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการเงินได้ วิทยาศาสตร์ : ตามหลักวิทยาศาสตร์การทำประตูห้องน้ำไว้ติดกับห้องนอนนั้น ไม่ได้ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยแต่อย่างใด แต่จะมีปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของกลิ่นอับ ไปจนถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ มากกว่า ซึ่งอาจไม่เหมาะกับการทำประตูห้องน้ำอยู่ตรงข้ามกับประตูห้องนอนนั่นเอง หัวเตียงห้ามหันไปทางทิศตะวันตก ฮวงจุ้ย : ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านทิศตะวันตกนั้น ถือเป็นทิศที่ให้สำหรับผีนอนดังนั้นการจัดที่นอนไม่ควรที่จะหันหัวเตียงไปทางทิศตะวันตกโดยเด็ดขาด อีกทั้งแนวคิดนี้ก็ยังไม่ได้มีเพียงแค่ความเชื่อตามหลักของฮวงจุ้ยแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่คนทั่ว ๆ…

Read story

พญาบึ้ง ใครเสี่ยงโชคต้องรู้ไว้

เชื่อว่าใครที่เป็นสายของการเสี่ยงโชคหรือการเล่นหวยนั้น แน่นอนว่าจะต้องรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าพญาบึ้งอย่างแน่นอน โดยสัตว์ชนิดนี้ก็สามารถพบได้ตามแหล่งธรรมชาติทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันก็อาจจะหากันได้ค่อนข้างยากอีกทั้งยังเป็นสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์แต่คนไทยก็เชื่อว่ามันสามารถที่จะให้โชคได้นั่นเอง แล้วพญาบึ้งคืออะไรทำไมจึงมีความเกี่ยวข้องกับการเสี่ยงดวงและการให้โชคกับมนุษย์นั้น วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณได้กระจ่างกัน พญาบึ้ง คืออะไร พญาบึ้ง หรือ อีบึ้ง คือ แมงมุมชนิดหนึ่ง ที่มีขนาดใหญ่และไม่ชักใยตามบ้าน อาศัยอยู่ในรูดิน ในบางสายพันธุ์ก็จะอาศัยอยู่ในต้นไผ่ ซึ่งเป็นสกุลใหม่ของโลกในเมืองไทยที่เพิ่งพบเจอ แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะอาศัยด้วยการขุดรูดินเสียทั้งนั้น ซึ่งธรรมชาติของบึ้งนั้นเวลาที่อยู่ในรูดินจะมีการฉาบใหญ่ผนังรูเอาไว้ เพื่อป้องกันการรุกรานจากสัตว์ร้ายหรือจากไรต่าง ๆ อีกทั้งการทำเช่นนี้ก็ยังทำให้พวกมันสามารถรับรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกจากแรงสั่นสะเทือนของเส้นใยได้อีกด้วย พญาบึ้งจะมีดวงตาที่เล็กมาก ๆ มักจะใช้ประสาทสัมผัสผ่านขนของตัวมันเองในการรับรู้แรงสั่นสะเทือนที่ส่งมาจากใย ซึ่งพวกมันมักจะออกจากรูในเวลากลางคืนเพื่อไปหากิน และในเวลากลางวันก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนโดยพอเส้นใยปิดปากดูเอาไว้ นิสัยส่วนตัวของบึ้งจะเป็นสัตว์ที่รักความสะอาดมาก ๆ และมักจะทำความสะอาดใย รวมไปถึงรูดินของตนเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งชาวบ้านในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นจะรู้จักสัตว์ชนิดนี้เป็นอย่างดี เพราะมักจะขุดหาตัวผึ้งมากินเป็นอาหารนั่นเอง ซึ่งสาเหตุที่หลาย ๆ คนเรียกสัตว์ชนิดนี้ว่าพญาบึ้งนั้น ก็มาจากความเชื่อมโยงเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อในการเสี่ยงทายดวงและโชคลาภ อย่างในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมาบึ้งได้ให้โชคกับชาวบ้านและหลาย ๆ คนในหลายงวดโดยใช้วิธีดันกระดาษที่มีตัวเลขออกมาจากรูของมัน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับหลักธรรมชาติหรือชีวภาพแล้วด้วยความรักสะอาด หากมีสิ่งใดที่ไม่ใช่ของของมันหล่นลงไปภายในรูนั้น มันก็มักจะดันสิ่งเหล่านั้นออกไปเพื่อทำให้ร่างของมันมีความสะอาดและน่าอยู่นั่นเอง และเช่นเดียวกันที่ในปัจจุบันเขายังมีผู้คนมากมายที่ได้นำเอาพญาบึ้งมาเป็นสัตว์นำโชคหรือเสี่ยงโชคอีกด้วย รวมไปถึงยังเชื่อว่ารู้บึ้งที่ศักดิ์สิทธิ์และจะให้โชคลาภได้ดีนั้นต้องหันปากดูไปทางทิศตะวันออกซึ่งนั่นก็เป็นเพียงกุศโลบายของชาวบ้านที่ทำให้การบูชาหรือการเสี่ยงทายถูกจำกัดไม่ให้มีการรุกรานบึ้งมากจนเกินไปนั่นเอง https://www.youtube.com/watch?v=39t8fJEcNWU

Read story

ทําไมพระพรหมมี 4 หน้า

พระพรหมมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ 1 ใน 3 ตรีมูรติของศาสนาพราหมณ์ฮินดู โดยเป็นที่เคารพศรัทธามาอย่างยาวนาน และยังเชื่อว่าพระพรหมเป็นพระเจ้าผู้สร้างโลกและสรรพสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ รวมไปถึงยังสามารถกำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์ทุกผู้ทุกคนและรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของสรรพชีวิต​ได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากใครที่ได้ไปอธิษฐานขอพรกับท่านแล้วเขาผู้นั้นก็จะถูกรับฟังคำอธิษฐานเสมอ จึงทำให้มีผู้คนมากมายต่างพากันไปบูชาพระพรหมและทำความดีเพื่อที่จะได้รับพรนี้อย่างสมหวังทุกประการ             โดยลักษณะของพระพรหมจะมี 4 พระพักตร์  4 แขนและ 4 มือ เหลืองทองอร่าม มือด้านขวาบนถือลูกประคำ มือด้านซ้ายบนคือหนังสือ มือด้านซ้ายล่างถือหม้อน้ำ และมือด้านขวาล่างใช้มอบสิ่งของให้กับผู้ที่เชื่อมต่อกับท่าน โดยพระพักตร์ทั้ง 4 มีดังนี้ พระพักตร์เมตตา ประทานพรเกี่ยวกับเรื่องงานการศึกษาและการรับผิดชอบในชีวิต พระพักตร์กรุณา ประทานพรเรื่องอสังหาริมทรัพย์ บ้าน รถ ที่ดิน พระพักตร์มุทิตา ประทานพรเรื่องสุขภาพคู่ครองและครอบครัว พระพักตร์อุเบกขา ประทานพรเรื่องโชคลาภเงินทองและการขอบุตร             โดยพระพักตร์ทั้ง 4 ของพระพรหมแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของคัมภีร์พระเวท โดยคัมภีร์พระเวทนี้เป็นคัมภีร์โบราณที่มีความเก่าแก่และถูกบันทึกไว้เป็นภาษาสันสกฤต และเชื่อว่าคัมภีร์นี้ถูกถ่ายทอดมาจากพระพรหมโดยจะมีการถ่ายทอดมาจาก 2 ทางคือ ศรุติ ความรู้จากการได้ยินหรือเสียงทิพย์เสียงสวรรค์ และ สมฤติ คัมภีร์ที่เขียนบันทึกมาจากภายหลังเพื่อขยายความพระเวทบทต่าง ๆ             นอกจากนี้พระพักตร์ทั้ง 4 ด้านของพระพรหมยังเป็นสัญลักษณ์…

Read story

ตำนานเจ้าพ่อเขาใหญ่

            หากใครได้ไปเยือนเกาะสีชัง แน่นอนว่าจะต้องเข้าไปทำการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่เป็นอันดับแรกซึ่งศาลแห่งนี้เป็นที่เคารพของชาวชลบุรีมาอย่างช้านานโดยความเชื่อของชาวบ้านจากรุ่นสู่รุ่นทำให้ความขลังและมีความน่าพิศมัยชวนให้ได้หลงใหลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่ของพ่อค้าแม่ขายและคนเดินเรือต่าง ๆ เมื่อได้ยินชื่อของเจ้าพ่อเขาใหญ่ต่างก็จะยกมือกราบไหว้กันแบบทันทีทันใด เพราะรู้ถึงพุทธคุณจากการบูชาและสักการะตามตำนานที่ได้เล่าสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน             โดยในสมัยอดีตบริเวณเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี เป็นจุดในการเดินทางค้าขายที่มีความคึกคักเรือนับร้อยลำจอดอยู่ทั่วรอบเกาะเพื่อขนส่งสินค้าทางเข้าและออก ซึ่งก็นับว่าเป็นแหล่งคนถ่ายสินค้าทางทะเลแห่งเดียวของประเทศไทยที่ไม่ต้องใช้ท่าเทียบเรือเนื่องจากมีภูมิประเทศที่เหมาะสมและอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลเพียงแค่ 12 กิโลเมตร นอกจากนี้บริเวณเกาะสีชังและเกาะบริเวณก็ยังเป็นชัยภูมิ ที่เรือสามารถจอดรถคลื่นลมได้เป็นอย่างดีจึงไม่จำเป็นต้องมีท่าเรือแต่อย่างใด             เล่ากันว่าในสมัยก่อนพ่อค้าเรือสำเภาชาวต่างชาติและพ่อค้าชาวจีนบริเวณภูเขาหัวเกาะสีชังหรือเขาคยาศิระที่เรียกกันในปัจจุบันจะปรากฏแสงสว่างในเวลาค่ำคืนอย่างสุกใสและมีความน่าอัศจรรย์ ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยแก่ผู้ที่ได้พบเห็น จึงได้พากันเข้าไปสำรวจในบริเวณนั้นและได้พบกับหินที่มีรูปร่างคล้ายกับเจ้าพ่อเขาใหญ่ภายในทับ ลักษณะนั่งประทับอยู่ จึงเกิดความศรัทธาและต่างพากันสักการะบนบานขอให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการค้าให้มีความมั่งคั่งรุ่งเรือง ซึ่งเมื่อสิ่งที่ขอไปประสบผลสำเร็จจึงได้มีการก่อสร้างเป็นศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ขึ้น โดยเชื่อว่าศาลแห่งนี้สร้างตั้งแต่ปีพ.ศ 2435 หรือเป็นระยะเวลา 132 ปี             หลังจากข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องของการพบเห็นนี้ได้แพร่สะพัดออกไปก็ทำให้ผู้คนเกิดความเลื่อมใสกันเป็นวงกว้างทำให้ผู้ที่มีความเชื่อและความเลื่อมใสต่างพากันเข้ามาสักการะ ณ สถานที่แห่งนี้เป็นจำนวนมาก  อีกทั้งยังไม่ได้มีเพียงแค่ชาวไทยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะยังมีชาวต่างประเทศหลากหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็น จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย หรือจะเป็นไต้หวัน ก็มีอีกเช่นเดียวกัน ทำให้มีศิษยานุศิษย์มากมาย โดยจะมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวได้สักการะในเทศกาลสำคัญ เช่น ประเพณีไหว้ตรุษจีนของทุกปี ประเพณีนมัสการเจ้าพ่อเขาใหญ่ มาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง            

Read story

จี้กง หลวงจีนผู้สำเร็จเป็นอรหันต์ แต่ชาวบ้านทำไมเรียกท่าน “พระบ้า”

จี้กงหนึ่งในตัวละครทีวีและนิทานพื้นบ้านของจีนที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังและภาพยนตร์อย่างหลากหลาย โดย “จี้กง” นั้น ก็เป็นหลวงจีนที่มีเนื้อตัวมอมแมม นุ่งห่มจีวรเก่า ๆ ขาด ๆ และยังชอบดื่มเหล้า กินเนื้อ ซึ่งจะแตกต่างกับพระมหายานที่จะฉันมังสวิรัติทำให้ชาวบ้านต่างพากันเรียกท่านว่า “พระบ้า” และแน่นอนว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นเพียงแค่นิทานพื้นบ้านที่เล่าต่อ ๆ กันมาแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วจี้กงมีตัวตนจริงในหน้าประวัติศาสตร์ ที่วันนี้เราจะพาคุณไปสืบเสาะหาประวัติของพระอรหันต์ผู้นี้กัน ประวัติ จี้กง             จี้กง มีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. 1130 ถึง 1209 ในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ โดยมีนามเดิมว่า หลี่ซิวหยวน โดยครอบครัวของเขาเป็นสายบุญที่ยึดมั่นในพระพุทธศาสนาและมักที่จะทำบุญทำทานอยู่เป็นประจำ ทำให้จี้กงนั้นมีความรักและผูกพันกับพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก จึงได้ออกบวชตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ ซึ่งเมื่อท่านได้ออกบวชแล้วก็ได้รับฉายาว่า “เต้าจี้” และจำพรรษาอยู่ที่วัดกั๋วชิงซื่อ และหลังจากนั้นก็ได้ย้ายไปอยู่ที่วัดหลิงอิ่นซื่อในเมืองหลินอานที่ในปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองหางโจวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว             จี้กงได้บำเพ็ญเพียรและศึกษาพระพุทธศาสนาจนได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ แต่ด้วยลักษณะภายนอกของท่านที่ชอบทำตัวแปลก ๆ ทั้งพูดจาไม่สำรวม ไม่ชอบสวดมนต์ ไม่ชอบนั่งสมาธิ นุ่งห่มจีวรที่ขาด ๆ มีการปักและซ่อมแซมอยู่บ่อยครั้ง แถมยังชอบกินเนื้อสัตว์และดื่มเหล้าเป็นชีวิตจิตใจ ทำให้ชาวบ้านต่างพากันกล่าวขานท่านว่าเป็นพระบ้าในดงอรหันต์นั่นเอง อีกทั้งจี้กงก็มักจะปรากฏตัวตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่บาดเจ็บหรือตกทุกข์ได้ยาก ส่วนการปราบปีศาจก็ยังมีวิธีการที่ค่อนข้างแปลกประหลาดอีกเช่นเดียวกัน เช่น…

Read story