สี่หูห้าตาคืออะไร

4 หู 5 ตาถือเป็นตำนานเรื่องเล่าที่มีการเล่าสืบต่อกันมาของทางภาคเหนือ ซึ่งหลาย ๆ คนเชื่อว่าแมลงชนิดนี้จะเป็นเทพที่จัดดลบันดาลให้โชคลาภแก่ผู้ที่ได้มาเคารพสักการะ และวันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับสิ่งนี้ให้มากยิ่งขึ้น ว่าคืออะไรและจะสามารถบันดาลความเกี่ยวกับเรื่องใดได้บ้าง ประวัติ สี่หูห้าตา             4 หู 5 ตาหรือแมงสี่หูห้าตาตามคัมภีร์ใบลาน ของวัดแช่ช้าง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ระบุไว้ว่าในเมืองพันธุมติมีท้าวพันธุมติผู้เป็นกษัตริย์ปกครองเมืองอยู่พร้อมกับมเหสีอีก 7 พระองค์ ในบริเวณทางเหนือของเมืองมีครอบครัวสองสามีภรรยาและลูกชายที่มีอายุ 7 ปี ซึ่งใน 4 ปีต่อมามารดาของเขาก็ได้เสียชีวิตไป จากนั้นบิดาก็เสียชีวิตตามไปแต่ได้มีการสั่งเสียว่าเมื่อตนตายให้นำร่างไปฝังไว้ใกล้กับกระท่อม และเมื่อศีรษะหลุดให้นำมาบูชาทุกเช้าเย็น จนเมื่อลูกชายอายุครบ 16 ปีจึงให้ลากศีรษะไปยังเมืองพันธุมติ หากศีรษะได้ไปติดอยู่ที่ใดก็ให้ทำเป็นกับดักสัตว์ไว้แทน ซึ่งลูกชายก็ได้ทำตามที่บิดาสั่งเสียเอาไว้             ในวันรุ่งขึ้นเขาได้กลับไปดูบริเวณกับดักอีกครั้ง และพบว่ามีสัตว์ใหญ่หน้าตาคล้ายหมีที่มี 4 หู 4 ตาติดกับดักอยู่ จึงได้นำกลับเอามาไว้ที่บ้านและเมื่อฟ้าเริ่มมืด เขาจึงได้ก่อไฟแต่สะเก็ดไฟแนนซ์ได้กระเด็นออกไป ซึ่งแมงตัวนี้ก็ได้กินสะเก็ดไฟนั้นทันที จนรุ่งสางก็ได้พบว่าแม้ 4 หู 5 ตาได้อุจจาระออกมาเป็นทองคำทำให้ท้าวพันธุมติได้เสนอเงื่อนไขว่าหากเขาสามารถสร้างรางน้ำทองคำขึ้นมาได้ จะยกเมืองรวมไปถึงราชธิดาที่เป็นที่หมายปองของกษัตริย์เมืองอื่น ๆ ให้ เมื่อเรื่องนี้ได้ไปถึงหูของชายหนุ่ม เขาจึงได้นำทองคำมาสร้างเป็นรางน้ำได้สำเร็จพระพันธุมติจึงได้ยกราชธิดาให้ตามที่ได้บอกไว้ แมงสี่หูห้าตา…

ประวัติพระคาถาชินบัญชร

พระคาถาชินบัญชรถือเป็นคาถาที่มีความศักดิ์สิทธิ์อีกหนึ่งคาถา ที่ตกทอดสืบมาจากลังกาโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ทำการดัดแปลงแต่งเติมให้มีเอกลักษณ์พิเศษและดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากผู้ใดที่ได้ทำการสวดภาวนาคาถานี้เป็นประจำจะทำให้เขาผู้นั้นได้รับความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยอันตรายและคุณไสยต่าง ๆ รวมไปถึงศัตรูยังไม่กล้าเข้ามากล้ำกลายเขาผู้นั้นอีก             โดยพระคาถานี้มีอายุยาวนานนับร้อยปีตั้งแต่ ช่วงสมัยของรัชกาลที่ 2 มาจนถึงปัจจุบันทำให้ความศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ เป็นที่เคารพบูชาของชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก และยังนิยมท่องพระคาถานี้เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับตนเอง รวมไปถึงยังป้องกันภยันตรายต่าง ๆ ให้กับตนได้อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าแท้ที่จริงแล้วพระคาถาบทนี้ใครเป็นผู้แต่งขึ้นมา ระหว่างสมเด็จพระพุทธจารย์โต พรหมรังษี และพระมหาเถระรูปหนึ่ง ที่มีความเชี่ยวชาญบาลีปกรณ์ จากจังหวัดเชียงใหม่ แต่ส่วนใหญ่ก็ได้ลงความเห็นว่าผู้แต่งคือสมเด็จพระพุฒาจารย์โตนั่นเอง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วท่านเป็นเพียงผู้นำพระคาถาชินบัญชรมาเผยแพร่ต่อเท่านั้น             เพราะหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้มีการบันทึกไว้ว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ได้ไปสวดพระคาถานี้เพื่อถวายองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 และด้วยความที่บทสวดมีความไพเราะพระองค์ จึงได้ซักถามท่านว่าได้แต่งเองหรือไม่ไปเอาบทสวดนี้มาจากที่ใด ซึ่งท่านก็ได้ตอบว่า พระคาถาบทนี้เป็นสำนวนเก่าของเมืองเหนือ ซึ่งท่านก็ได้ทำการแก้ไขและดัดแปลงใหม่ ตัดตอนให้สั้นลง เพราะของลังกาจะยาวกว่านี้ นั่นก็ทำให้ความเป็นไปได้ของการคาดเดาว่าพระภิกษุชาวล้านนาเป็นคนแต่งอาจจะเป็นความจริง คาถาชินบัญชร ควรสวดวันไหน มีวิธีอย่างไร             พระคาถาชินบัญชรควรเริ่มสวดในวันพฤหัสบดีเพราะในวันนี้ถือเป็นวันไหว้ครู โดยมีพิธีในการสวดดังนี้ เตรียมดอกไม้สามสีหรือดอกบัว 9 ดอกหรือจะเป็นดอกมะลิ 1 กำก็ได้ จุดธูปเป็นเลขคี่ไม่ว่าจะเป็น 3 ,  5 ,  หรือ…

พระสังกัจจายน์

หนึ่งในพระอรหันต์ที่มีความโดดเด่นและเป็นที่เคารพบูชาของผู้คนมากมายทั่วโลกต้องขอยกให้กับ พระสังกัจจายน์ ที่ถือว่าเป็นพระอรหันต์แห่งความอุดมสมบูรณ์และยังมีการปั้นรูปปั้นออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์มากที่สุด เมื่อใครได้เห็นก็มักจะรู้ได้ทันทีว่าพระพุทธรูปองค์นี้คือองค์ไหน ซึ่งผู้ที่ได้บูชาพระสังกัจจายน์จะเป็นผู้ที่ได้รับความมงคลลาภยศและความเจริญรุ่งเรือง ประวัติ พระสังกัจจายน์ พระสังกัจจายน์ หรือที่ชาวไทยหลาย ๆ คนเรียกว่า พระสังกระจาย ขึ้นชื่อว่าเป็นอรหันต์แห่งความอุดมสมบูรณ์ โดยรูปลักษณ์ของท่านที่มีความอ้วนท้วม พุงพลุ้ย ดูอิ่มเอิบ และเบิกบาน ซึ่งท่านก็เป็นพระอรหันต์ 1 ใน 80 พระอสีติมหาสาวกในศาสนาของพระโคตมะพุทธเจ้า ซึ่งท่านก็มีอีกชื่อหนึ่งว่ากัจจานะและในภาษาญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักในชื่อ คะเซ็นเน็น             คติการสร้างพระสังกัจจายน์ นิยมสร้างในแบบฉบับของจีน เพราะให้ความสวยงามและมีมนต์ขลังที่โดดเด่นมากกว่า ซึ่งลักษณะนิสัยที่โดดเด่นของพระพุทธสาวกท่านนี้คือจะมีความเฉลียวฉลาดรอบรู้และเป็นที่โปรดของพระพุทธองค์มีอิทธิฤทธิ์อำนาจบารมี หากผู้ใดได้บูชาพระสังกัจจายน์จะได้รับพรจากพุทธสาวกและเมื่อพูดถึงในเรื่องโชคลาภท่านก็ได้ทิ้งท้ายว่าชาวพุทธจำนวนไม่น้อย ต่างได้รับลาภอันประเสริฐซึ่งนั่นก็คือความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐนั่นเอง คำบูชา พระสังกัจจายน์ ตั้งนะโม 3 จบแล้วกล่าว คำบูชาว่า “กัจจานะจะมหาเถโร พุทโธ พุทธานัง พุทธะตัง พุทธัญจะ พุทธะสุภา สิตัง พุทธะตังสะมะนุปปัตโต พุทธะโชตัง นะมามิหัง ปิโยเทวะ มะนุสสานัง ปิโยพรหม นะมุตตะโม ปิโยนาคะ สุปันนานัง ปิยินทะริยัง…

สัตว์บอกเหตุ

เชื่อว่าในปัจจุบันยังมีผู้คนไม่น้อยที่เชื่อเกี่ยวกับเรื่องของสัตว์บอกเหตุ ที่เมื่อเราได้เห็นสัตว์ชนิดนี้หรือได้ยินเสียงร้องของสัตว์ตัวนี้แล้ว ในอนาคตจะเกิดเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดีตามมาและจากความเชื่อเหล่านี้ 50% ก็เกิดขึ้นจริงและอีก 50% ก็ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ควรใช้วิจารณญาณเป็นอย่างยิ่งแต่ใด ๆ ก็ตามความเชื่อเหล่านี้ก็ได้ถูกปลูกฝังมาอย่างช้านานจนถึงปัจจุบัน จะมีสัตว์อะไรที่เป็นสัตว์บอกเหตุตามที่คนโบราณเชื่อไว้บ้างนั้นก็มาดูกันได้เลย 10 ความเชื่อ เมื่อสัตว์บอกเหตุ ที่ชาวไทยเชื่อมาจนถึงปัจจุบัน นกที่เลี้ยงไว้ร้องตอนกลางคืนคนโบราณเชื่อว่าหากนกที่เราเลี้ยงไว้ส่งเสียงร้องในเวลาค่ำคืน อาจจะทำให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นภายในบ้านหรืออาจเกิดเหตุทะเลาะเบาะแว้งภายในบ้านได้ แมวดำวิ่งตัดหน้าการที่แมวดำวิ่งตัดหน้า คนโบราณให้ความเชื่อว่าอาจจะพบเจออุบัติเหตุในระหว่างเดินทาง หรืออาจเจออันตรายและเรื่องร้ายได้ หากเกิดเหตุการณ์นี้ให้เลื่อนเวลาออกเดินทางไปก่อน เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ใช้รถใช้ถนน งูเข้าบ้านคนโบราณเชื่อว่าหากงูเข้าบ้าน ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านจะได้รับโชคลาภ ไม่ว่าจะเป็นการเสี่ยงดวง หรือจะเป็นเงินทองและลาภก้อนใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็ววัน จิ้งจกร้องทักหากใครได้ยินจิ้งจกร้องทักขณะที่กำลังจะออกจากบ้านหรือกำลังจะเดินทาง ให้เลื่อนการเดินทางนั้นไปก่อนเพราะไม่แน่ว่าในอนาคตอาจเกิดอุบัติเหตุได้ และหากเสียงอยู่ด้านหน้าหรือด้านซ้าย ก็อาจจะทำให้คุณได้พบโชคลาภระหว่างเดินทาง ผึ้งทำรังในบ้านคนโบราณเชื่อว่าการที่ผึ้งเข้ามาทำรังในบ้าน จะทำให้เจ้าของบ้านมีโชคลาภ ซึ่งโชคจะก้อนเล็กหรือก้อนใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของรังผึ้งนั้น ๆ แต่หากคุณทำลายรังของมันก็จะทำให้เกิดโชคร้ายขึ้นกับคนในครอบครัว ผีเสื้อบินเข้าบ้านหากผีเสื้อบินเข้าบ้านหรือบินแล้วมาเกาะนิ่ง ๆ ไม่ไปไหนเชื่อว่าคนในบ้านจะพบเจอแต่เรื่องดี ๆ และเรื่องที่เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตแต่ในทางกลับกันหากผีเสื้อเข้ามาตามดอกไม้คนในบ้านอาจจะต้องระมัดระวังในเรื่องของการเดินทาง หรือหากผีเสื้อบินเข้ามาแล้วเวียนไปเวียนมาอยู่ซ้ำ ๆ เชื่อว่าอาจจะเกิดการหักหลังจากคนใกล้ชิดหรือเพื่อนร่วมงานนั่นเอง เต่าเดินเข้าบ้านหากบ้านไหนมีเต่าเดินเข้าบ้าน เชื่อว่าเต่านั้นจะนำพาความโชคดีมาให้กับเจ้าของบ้านหรือผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้าน รวมไปถึงยังช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งไม่ดีให้ออกไปได้อีกด้วย คางคกขึ้นบ้านหากคางคกขึ้นบ้านเชื่อว่าบ้านหลังนั้นจะอุดมไปด้วยทรัพย์สินและเงินทองและมีความมั่งคั่งมั่นคง ตุ๊กแกอยู่ในบ้านคนโบราณเชื่อว่าหากตุ๊กแกอยู่ในบ้านเปรียบเสมือนกับวิญญาณบรรพบุรุษมาเยี่ยมเยียน ซึ่งก็จะช่วยดูแลคุ้มครองไม่ให้คนในบ้านได้รับอันตราย ซึ่งการส่งเสียงร้องเปรียบเสมือนการร้องเตือนลูกหลาน และนับว่าเป็นเรื่องดี หากร้องในยามค่ำคืนแต่หากร้องในตอนกลางวันจะเป็นลางบอกเหตุร้าย ว่าอาจมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว นกแสกบินผ่านแล้วร้องเสียงดังคนโบราณเชื่อว่านกแสกเป็น…

รู้จัก “เสาร์ 5” คืออะไร หนึ่งปีมีกี่ครั้ง ทำไมเป็นวันแรงแห่งปี?

คนไทยส่วนใหญ่จะได้ยินคำว่า “เสาร์ 5” กันอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็น จากปากต่อปาก หรือจากละครที่มีการนำชื่อนี้ไปตั้งเป็นชื่อเรื่องก็ดี โดยสิ่งนี้ถือเป็นความเชื่อโบราณที่มีความเกี่ยวข้องกับฤกษ์วันแรงของคนในสมัยก่อน แม้กระทั่งในปัจจุบันก็ยังมีการพูดถึงวันเสาร์ 5 อยู่ไม่หาย ซึ่งในปี 2567 นี้ตรงกับวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา ดังนั้นเราจึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเสาร์ 5 ว่าวันนี้คือวันอะไร ทำไมจึงกลายเป็นวันแรงที่เป็นความเชื่อด้านฤกษ์พิธีกรรมต่าง ๆ มาจนถึงปัจจุบัน เสาร์ 5 คืออะไร เสาร์ 5 คือวันเสาร์ที่ตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำเดือน 5 ตามปฏิทินไทย ไม่ใช่ วันเสาร์ ที่ 5 อย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจแต่อย่างใด และในปี 2561 วันที่ 13 เมษายนนั้นตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำเดือน 5 และเป็นวันเสาร์อย่างพอดิบพอดี และในปีมะโรงนี้ถือว่าเป็นวันที่แรงอยู่พอตัวเลยทีเดียว อีกทั้งยังตรงกับวันสงกรานต์อีกด้วย ความเชื่อเรื่องเสาร์ 5              ในสมัยโบราณมีความเชื่อว่าวันเสาร์…

ความเชื่อเรื่องหินนำโชค

หินนำโชค คือ อีกหนึ่งศาสตร์ที่มนุษย์หลาย ๆ คนกำลังให้ความสนใจในปัจจุบัน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของโชคลาภและเงินทองทั้งสิ้น จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่คนเราในสมัยนี้มักจะมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของโชคลาภของขลัง เมื่อพกไปทุกที่ทุกหนแห่งแล้ว จะนำพาโชคลาภมาให้กับพวกเขานั่นเอง โดยความเชื่อเรื่องหินนำโชคนี้มีมาอย่างเนิ่นนานแล้ว ซึ่งก็มีจุดเริ่มต้นจากทางฝั่งยุโรปก่อนที่ถูกเผยแพร่และมีอิทธิพลไปทั่วโลกในขณะนี้             หินนำโชคมีอยู่มากมายหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดนั้นก็มักจะมีคุณสมบัติพิเศษและมีผลจากการบูชาและพกพาแตกต่างกันไปโดยหินนำโชคที่เราอยากชวนให้คุณได้มารู้จักกันก็มีดังนี้ อเมทิสต์ (Amethys) หินแห่งจิตวิญญาณที่สูงส่งโดยจะมีลักษณะเป็นหินสีม่วงอ่อนไปจนถึงสีม่วงเข้ม มีพลังในการถ่ายทอดสูงเพิ่มความไวของการรับรู้ทางประสาทสัมผัสได้เป็นอย่างดี และยังทำให้เกิดสมาธิจิตใจมีความสงบโดยชาวตะวันตกมีความเชื่อว่าสีม่วงเป็นสีที่ให้พลังงานทางจิตสูง พระที่มีตำแหน่งทางศาสนาสูงก็มักจะพบเห็นสีนี้ติดตัวเอาไว้อยู่เสมอ เทอร์ควอยซ์ (Turquoise) หินแห่งพลังอำนาจและความศักดิ์สิทธิ์ โดยหินชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นหินสีเขียวไข่กาหรือเป็นสีออกน้ำทะเลและยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า “หินมูลนกการะเวก” ซึ่งชาวอินเดียแดงเผ่าต่าง ๆ ยกให้หินเทอร์ควอยซ์เป็นสัญลักษณ์แห่งท้องฟ้าและเป็นดั่งลมหายใจของชีวิตและวิญญาณ จึงได้ทำการสวมใส่หินนี้ไว้ เพื่อเป็นตัวแทนของพลังอำนาจและความศักดิ์สิทธิ์มีคุณสมบัติในการบำบัดรักษาโรค โกเมน (Garnet) หินแห่งชัยชนะ โดยจะมีหลายสีแต่ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดงมีความแตกต่างกันไปตามส่วนผสมของแร่ธาตุ ในบางครั้งอาจมีสีเขียวหรือสีเทาซึ่งในสมัยก่อนผู้คนมักจะใช้โกเมนเป็นเครื่องรางแห่งชัยชนะ และอำนาจและจะต้องเป็นหินสีแดงแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งในภาษาละติน Garnet จะแปลว่าเมล็ดพันธุ์และเชื่อกันว่าเห็นนี้จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายและสร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้กับผู้ที่สวมใส่หรือพกติดตัวเอาไว้ได้เป็นอย่างดี หยก (Jade)             หินแห่งความศักดิ์สิทธิ์โดยเป็นที่นิยมของชาวจีนอย่างแพร่หลาย มีลักษณะเป็นหินสีเขียวมีฤทธิ์ในการช่วยปกป้องคุ้มครองและนำพาความเจริญสงบสุข รวมไปถึงความก้าวหน้ามาสู่ผู้ที่พกพาหรือสวมเอาไว้ซึ่งชาวจีนเชื่อว่าหากเด็กนั้นมีการสวมหยกตั้งแต่เด็ก ก็จะทำให้เด็กคนที่มีจิตใจแข็งแรงและมีสมาธิอยู่กับตัวเสมออีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีอายุยืนและสุขภาพแข็งแรงอีกด้วย พลอยตาเสือ (Tiger’s Eye)             ลักษณะของพลอยตาเสือจะเป็นสีเหลืองเคลือบน้ำตาลไหม้ ซึ่งในบางครั้งรายของมันก็จะมีความคล้ายคลึงกับลายไม้หรือมีลักษณะแววับราวกับลายของเสือมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับตาแมว สามารถมองเห็นได้ในที่มืดโดยมีความเชื่อว่าพลอยตาเสือจะช่วยในการอ่านและการคาดเดาสถานการณ์ล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี ยิ่งใครที่ตัดสินใจอะไรยาก ๆ…

คาถาบูชาพระพรหม และวิธีไหว้ ขอพรให้สมหวังดังปรารถนา

เชื่อว่าคงจะมีผู้คนไม่น้อยที่ได้มีโอกาสในการเดินทางไปกราบไหว้พระพรหมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ โดยในจุดนี้เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ได้แวะเวียนมาเยี่ยมชมกันอย่างเนืองแน่น เพื่อทำการขอพรองค์พระพรหมในเรื่องต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่ก็จะมีการบนบานสานกล่าวเอาไว้ และหากสำเร็จก็จะมาทำการแก้บนหน้าที่แห่งนี้ อย่างที่เราได้เห็นกันตามโซเชียลและตามข่าวต่าง ๆ นั่นเอง แล้วจะมีวิธีการไหว้ขอพรพระพรหมอย่างไร ควรขอพรในเรื่องใดบ้างวันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณได้รู้กัน พระพรหม คือใคร             พระพรหม คือ เทพเจ้าแห่งการสร้างสรรค์ สร้างโลก และให้กำเนิดสรรพสิ่งต่าง ๆ ในจักรวาล เป็นผู้มีเมตตา โดยความเชื่อมาตั้งแต่สมัยโบราณนั้น หากผู้ใดที่ได้ทำการสักการะบูชาพระพรหมแล้วเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จทั้งด้านหน้าที่การงานและอย่างเป็นที่รักใคร่ของผู้คนทั้งหลายอีกด้วย คาถาบูชา พระพรหม ฉบับย่อ “โอม อหัม ปรัหมา อัสมิ” ฉบับเต็ม “โอมปะระเมสะนะมัสการัม องการะนิสสะวะ รัง พรหมเรสสะยัม ภูปัสสะวะวิษณุ ไวยะทานะโมโทติลูกปัม ทะระมา ยิกยานัง ยะไวยะลา คะมุลัม สะทา นันตะระ วิมุสะตินัน นะมัตเต นะมัตเตร จะ อะการัง ตโถวาจะ เอตามาตาระยัต ตะมัน ตะรามา กัตถะนารัมลา…

ทำไมพลังตัวเลขเปลี่ยนดวงได้

ศาสตร์พลังตัวเลข ถือเป็นอีกหนึ่งแขนงวิชาโหราศาสตร์ไทยซึ่งจะมีเพียงแค่คนไทยเท่านั้นที่มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ และหากเป็นชาวต่างชาติอาจจะมีความแม่นยำที่แตกต่างกันออกไป อย่างที่ในปัจจุบันผู้คนมากมายต่างยึดถือการนำตัวเลขมาเป็นแนวทางในการใช้ชีวิต เช่น การเลือกเบอร์โทรศัพท์มือถือ การเลือกรถที่มีป้ายทะเบียนเลขสวย ๆ หรือการเลือกเลขที่บ้านก็เช่นเดียวกัน             โดยศาสตร์หมายถึงความรู้และตัวเลขก็คือตัวเลขที่เราใช้นับในการเรียนหรือการทำงานต่าง ๆ นั่นเอง หากนำเอาพลังความรู้เกี่ยวกับตัวเลขมาใช้ก็จะมีพื้นฐานตามหลักคณิตศาสตร์ แต่สำหรับใครที่มีพื้นฐานในด้านโหราศาสตร์จะรู้ว่า 1 นั้นไม่ใช่เลขธรรมดา แต่จะหมายถึงพลังของพระอาทิตย์ หรือแทนด้วยพลังงานความร้อนของไฟฟ้า หากเปรียบกับคนก็จะหมายถึงคนที่มีความมั่นใจและมีความเป็นผู้นำนั่นเอง             นอกจากนี้ศาสตร์พลังตัวเลขยังมีความน่าทึ่งและความน่าสนใจอีกหลากหลาย โดยเฉพาะพลังตัวเลขที่เปลี่ยนดวงได้ ที่มีทั้งพลังงานดีและพลังงานที่ไม่ดี โดยเราจะเลือกในการปรับเปลี่ยนเอาพลังงานที่ไม่ดีมาปรับเปลี่ยนใหม่ให้เป็นพลังงานเลขที่ดีเช่นเลข 1 เป็นเลขของผู้นำอารมณ์ร้อนหากอยากให้เลข 1 นั้นกลายเป็นพลังงานที่ดีต้องประกบคู่กับเลข 5 ไม่ว่าจะเป็นเลข 15 หรือ 51 ก็จะทำให้พลังงานนั้นดีขึ้น อีกทั้งเลข 2 ตัวนี้ยังเป็นผลลัพธ์ของผู้ที่มีสติปัญญาเป็นเลิศ มีความสนใจในการศึกษา ใฝ่รู้ใฝ่เรียน หากเลือกเป็นเบอร์มือถือของเด็กหรือผู้ที่กำลังทำการศึกษาอยู่ก็จะยิ่งส่งผลดีขึ้นไปอีก             อย่างที่เราได้เห็นว่าเศรษฐีพันล้านหรือผู้คนมากมายที่ทำงานแลกเงินนั้น ทำไมจึงมีแต่คนชื่นชมหรือคนทำดีแทบตายทำไมจึงไม่มีใครชื่นชม นั่นก็เป็นความแตกต่างที่มีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าศาสตร์ตัวเลขเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยจะมีทั้งกลุ่มตัวเลขที่มีพลังงานดีและกลุ่มตัวเลขเสียที่เป็นพลังงานไม่ดีอยู่ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นการปรับเปลี่ยนพลังงานของตัวเลขเหล่านี้จึงมีผลในการเปลี่ยนแปลงพื้นดวงของคุณได้นั่นเอง             ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพลังตัวเลขจึงเปลี่ยนดวงได้ ดังนั้นหากคุณอยากเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของศาสตร์ตัวเลขมากยิ่งขึ้น ก็สามารถดูความหมายของตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 0 ว่ามีความหมายอย่างไร…

“ยันต์ ฮู้” ยันต์จีนที่คนจีนต้องมีติดบ้าน

เป็นที่ทราบกันดีว่าชาวจีนให้ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของความมงคลและการป้องกันภยันตรายต่าง ๆ ที่จะเข้าบ้านเป็นอย่างมาก ซึ่งหนึ่งใน Item ที่ชาวจีนมักจะมีติดบ้านเอาไว้ก็คือ ยันต์ ฮู้ ที่หลาย ๆ คนมักจะเห็นกันในรูปแบบของแผ่นกระดาษทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว ๆ สีแดงและมีอักษรจีนเขียนเอาไว้จนทั่วแผ่นด้วยพู่กันหมึกสีดำซึ่งวันนี้เราก็มีความน่าสนใจและความรู้ดี ๆ ของยันต์ชนิดนี้มาให้คุณได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น ยันต์ ฮู้ คืออะไรมีความหมายว่าอย่างไร             ฮู้ คือ ผ้ายันต์ที่มีทั้งตัวหนังสือข้อความรวมไปถึงรูปภาพที่มีการวาดหรือเขียนด้วยพู่กันจีน ซึ่งความหมายที่อยู่บนยันผืนนั้นจะเป็นถ้อยคำที่มีความมงคลและยังป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามากล้ำกรายในบริเวณบ้านได้ โดยผู้ที่เขียนจะมีตั้งแต่ซินแสบัณฑิตรวมไปถึงพระจัน เมื่อทำการเขียนเสร็จแล้วก็จะนำไปอธิษฐานต่อหน้าพระเทพที่จะอัญเชิญบารมีลงมาสู่ฮู้นั้น ๆ โดยในปัจจุบันนิยมเขียนหรือพิมพ์ลงบนกระดาษหรือผ้าและยังได้รับความนิยมในการนำไปติดบริเวณประตูบ้าน โดยอายุของฮู้แต่ละผืนจะมีระยะเวลา 1 ปีจากนั้นก็จะนำไปเผาทิ้งแล้วทำบุญเพื่อทำการขอฮู้อันใหม่มาติดแทน ยันต์ ฮู้ แต่ละสีมีความแตกต่างกันอย่างไร ปัจจุบันเราจะเห็นฮู้ถึง 5 สีได้แก่ ยันต์ ฮู้ สีแดง : ปกป้องคุ้มครองสถานที่อยู่อาศัยและยังป้องกันอันตราย รวมไปถึงสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาสู่ตัวบ้านและผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านอีกด้วย ยันต์ ฮู้ สีเหลือง : นิยมใช้ในการปกป้องและกำราบ ภูต ผีต่าง ๆ มักเขียนด้วยหมึกสีแดง ยันต์ ฮู้ สีเขียว :…

‘ดูฮวงจุ้ยบ้าน’ เปรียบเทียบความเชื่อกับหลักวิทยาศาสตร์

การดูฮวงจุ้ยบ้านเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ที่ได้รับความเชื่อถือเป็นอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน เพราะก่อนจะสร้างบ้านผู้คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นชาวจีนหรือชาวไทยต่างก็มักจะอัญเชิญให้ซินแสผู้ที่มีความรอบรู้ในด้านศาสตร์ของฮวงจุ้ยเข้ามาตรวจสอบและดูทิศทางของบ้านว่าควรสร้างไปในทิศทางไหน รวมไปถึงองค์ประกอบของบ้านที่ดีควรมีอะไรบ้างนั้นทำให้ศาสตร์นี้เป็นพลังงานที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานจนคนรุ่นใหม่อาจจะไม่ค่อยมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เราจึงได้นำเอาศาสตร์ฮวงจุ้ยเพื่อเปรียบเทียบกับหลักวิทยาศาสตร์ให้คุณได้ดูกันว่าความเชื่อของศาสตร์นี้จะมีประโยชน์ที่สามารถตอบโจทย์กับคนในปัจจุบันได้ดีแค่ไหน 3 ข้อ เปรียบเทียบ ดูฮวงจุ้ยบ้าน กับ วิทยาศาสตร์             ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าฮวงจุ้ยไม่ใช่ศาสตร์ที่เป็นเรื่องงมงายแต่มีความสมเหตุสมผลที่เกิดขึ้นอยู่ภายใน โดยมักจะใช้สำหรับกำหนดสิ่งแวดล้อมภายในบ้านเพื่อให้เกิดการไหลเวียนของพลังงานในทิศทางที่ถูกต้องและเรียกให้พลังงานที่ดีไหลผ่านเข้าสู่ตัวบ้าน เพื่อทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยได้รับความร่มรื่น อยู่เย็นเป็นสุข และมีศิริมงคลในชีวิตเสริมดวงในหลากหลายด้านนั่นเอง ซึ่งการดูฮวงจุ้ยบ้านที่เราอยากนำมาให้คุณได้ลองพิจารณาดูมีดังนี้ ห้ามให้บ้านอยู่ใกล้กับหม้อแปลงไฟฟ้า ฮวงจุ้ย : ตามศาสตร์ฮวงจุ้ยเชื่อว่าการมีหม้อแปลงไฟฟ้าอยู่ติดกับตัวบ้านนั้น เป็นข้อห้ามที่ไม่ควรทำเป็นอันขาดเพราะเมื่อเราสร้างบ้านให้อยู่ใกล้กับหม้อแปลงไฟฟ้าแล้ว อาจเป็นเหตุที่ทำให้สุขภาพของคนในบ้านไม่แข็งแรงและสามารถเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่บ่อยครั้งซึ่งในบางทีก็อาจเกิดโรคร้ายขึ้นกับคนในบ้านได้เลยทีเดียว วิทยาศาสตร์ : แต่ในทางวิทยาศาสตร์ได้กล่าวไว้ว่าหม้อแปลงเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่มีความเสี่ยงต่อการระเบิดได้ตลอดเวลา ซึ่งหากสร้างบ้านไว้ไกลกับบริเวณหม้อแปลงไฟฟ้า อาจทำให้เกิดเสียงรบกวนต่อผู้ที่อยู่อาศัยภายในบ้านและยังหากระเบิดและเกิดอัคคีภัยได้อีกด้วย ตำแหน่งของประตูห้องน้ำห้ามอยู่ตรงกับประตูห้องนอน ฮวงจุ้ย : ตามหลักของฮวงจุ้ยประตูห้องน้ำนั้น ไม่ควรตั้งอยู่ตรงกับประตูห้องนอนซึ่งถือว่าเป็นข้อห้ามที่ร้ายแรงมาก ๆ เพราะหากทำเช่นนี้ อาจทำให้เงินทองของบ้านถูกดูดออกไปเรื่อย ๆ ส่งผลให้คนในบ้านประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการเงินได้ วิทยาศาสตร์ : ตามหลักวิทยาศาสตร์การทำประตูห้องน้ำไว้ติดกับห้องนอนนั้น ไม่ได้ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยแต่อย่างใด แต่จะมีปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของกลิ่นอับ ไปจนถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ มากกว่า ซึ่งอาจไม่เหมาะกับการทำประตูห้องน้ำอยู่ตรงข้ามกับประตูห้องนอนนั่นเอง หัวเตียงห้ามหันไปทางทิศตะวันตก ฮวงจุ้ย : ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านทิศตะวันตกนั้น ถือเป็นทิศที่ให้สำหรับผีนอนดังนั้นการจัดที่นอนไม่ควรที่จะหันหัวเตียงไปทางทิศตะวันตกโดยเด็ดขาด อีกทั้งแนวคิดนี้ก็ยังไม่ได้มีเพียงแค่ความเชื่อตามหลักของฮวงจุ้ยแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่คนทั่ว ๆ…